วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

นิทานหอศิลป์ ตอนที่ 4 หมา แมว นก



พระเจ้าไม่ทรงรู้สึกเบื่อกับการหาเรื่องสนุกๆใส่ตัว หรือน่าจะพูดว่าใส่ดวงดาวต่างหาก วันนี้เป็นวันที่สี่แล้ว หลังจากทรงตื่นจากบรรทม ก็เรียกหาเหล่าคนรับใช้ แต่ทว่าไม่มีใครปรากฏตัวเลย ทรงเรียกอยู่นานกว่าจะรู้สึกพระองค์ว่า เพราะพระองค์ตื่นสายทำให้ไม่มีใครรอไหว จึงหันไปทำงานอื่นกันหมด "ไม่ง้อก็ได้" พระองค์ทรงคิด เราปั้นแป้งมาเป็นตัวรับใช้เราสักตัว

จึงปั้นเป็นตัวสี่ขาขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีหูแหลมยาวปรกลงมาเล็กน้อย มีหางด้วย "เออ ไอ้ตัวนี้มันน่ารักดี เราเรียกมันว่า หมา ก็แล้วกัน"มันเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้นมาทันที ฉลาด และมีเสียงดังมาก "เจ้าไปตามพวกคนรับใช้ข้ามาทีซิ" ได้ยินคำสั่งมันรีบวิ่งออกไป ส่งเสียงดัง"โฮ่ง โฮ่ง" หาไปทั่วทั้งสวรรค์ ไม่พบใคร สุดท้ายพบนายประตูหูตึง ถามยังไงก็ตอบไม่ตรงคำถาม จึงต้องเน้นย้ำเป็นคำๆ ทำให้หมาตัวนี้เกิดอาการที่เรียกว่า "เห่า" นายประตูตอบว่า "ลองไปหาที่ดาวดวงที่สี่ ที่อยู่สุดทางขาวๆนี่ เราเรียกทางนี้ว่าทางช้างเผือก พวกเขาอาจจะไปอยู่กันที่นั่น เพื่อชื่นชมดาวดวงใหม่ ปรากฏว่าหมาของเรา วิ่งไปจนถึงดาวนั้น เหนื่อยจนลิ้นห้อย กลายเป็นอาการประจำตัวไป ไปถึงก็ไม่พบใคร ก็เลยไม่คิดอยากกลับ คิดว่าต้องหาใครให้เจอ ไม่งั้นไม่กล้ากลับไปหาพระเจ้าอีก

ฝ่ายพระเจ้า เมื่อรอนานไม่เห็นว่าหมาจะกลับมา จึงปั้นสัตว์ขึ้นมาอีกตัว มีรูปร่างคล้ายกันแต่ตัวเล็กกว่า เพื่อให้ปราดเปรียวคล่องแคล่ว หูนั้นสั้นกว่า แต่มีหางยาว และมีอุ้งเท้าเบา "ไปตามเจ้าหมากลับมาหาข้าหน่อยนะ เราเรียกเจ้าว่าแมวก็แล้วกัน ไป ไปเลย" แล้วแมวก็กระโจนออกจากระเบียงไปทันที แต่โอ้พระเจ้า ระเบียงหัก แมวจึงกระโดดพลาด ทิ้งตัวดิ่งตกจากสวรรค์ไปหลายชั้น พระเจ้ารีบเสกคาถา ช่วยแมวให้รอดชีวิต แต่ก็ช่วยไว้ไม่ทัน พระเจ้าทรงเหาะลงไปรับศพแมวขึ้นมายังปราสาท ทรงรู้สึกเศร้ามาก จึงเนรมิตชีวิตให้แมวขึ้นใหม่ และกล่าวว่า "แมวเอ๋ย เพื่อชดใช้ที่ข้าไม่ดูแลซ่ิอมแซมระเบียง ข้าขอให้เจ้ามีชีวิตใหม่ถึงเก้าชีวิต" นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้แมวมีเก้าชีวิตจนทุกวันนี้ "เจ้าแมว เจ้าไปตามหมาให้ข้าหน่อย ข้ารู้สึกเป็นห่วงมัน" จากนั้นแมวผู้ซื่อสัตย์ก็ตามกลิ่นหมาไปเรื่อยๆจนถึงดาวดวงที่สี่ มันเหนื่อยมาก จึงตั้งใจพักอยู่ที่นั่นก่อน พร้อมๆกับตามรอยหมาไปเรื่อยๆ

พระเจ้ารู้สึกว่าแมวไปนานผิดสังเกตมาก ทรงดำริว่าน่าจะเป็นเพราะความสามารถในการเดินทาง ทรงดำริว่าแม้ว่าทั้งสองตัวนั้นมันมีขาถึงสี่ขาก็ยังไม่คล่องแคล่วเท่าไหร่ อย่ากระนั้นเลย เราปั้นเจ้าตัวใหม่อีกตัวดีกว่า เพื่อให้ไปตามไอ้สองตัวนั้นโดยเฉพาะ เพราะีคนรับใช้เรา เขาก็กลับกันมาหมดแล้ว สัตว์ตัวใหม่นี้ พระเจ้า ทำให้ขามันเหลือแค่สองขา และมีขนาดเพียงนิดเดียว แต่ให้มีือสองข้างกลายเป็นปีกที่แผ่กว้างออกได้ ไม่ต้องเดิน แต่สามารถบินไปในอากาศได้ไกลในเวลาที่รวดเร็วกว่าสัตว์สองตัวแรกหลายเท่า เรียกส่วนนี้ว่า "ปีก" หนำซ้ำยังให้ลักษณะพิเศษสามารถจำทางกลับมาหาเจ้าของได้แม่นยำด้วย "แกชื่อเจ้า นก ก็แล้วกัน" พระเจ้าพูด

นกได้บินออกเดินทางไปถึงดาวดวงที่สี่อย่างรวดเร็ว แต่อนิจจา แม้ว่ามันจะกลับบ้านได้ แต่เมื่อมาถึงดาวดวงนี้ ซึ่งเป็นดาวที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์มาก มันก็ไม่นึกอยากกลับแล้ว ที่สำคัญพระเจ้าไม่ได้ให้นิสัยของความซื่อสัตย์ติดตัวนกมาด้วย เนื่องจากพระองค์ทรงลืม "เราอ้างกับพระเจ้าว่าเราหาแมวกับหมาไม่เจอก็แล้วกัน" นกคิด และิอยู่ที่นั่นต่ออย่างไม่อนาทรร้อนใจ
พระเจ้าที่น่าสงสาร คราวนี้พระองค์ไม่สนุกเลย เพราะรอเท่าไรก็ไม่ปรากฏว่าสัตว์ทั้งสามจะกลับมาหาพระองค์เลย คนสนิทของพระเจ้าซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆพระองค์ เห็นว่าพระองค์ทรงหงอย จึงทูลเล่นกับพระองค์ว่า "ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะไม่ทรงใช้แว่นวิเศษส่องดูดาวดวงนั้นหน่อยหรือพระเจ้าข้า ว่ามันเกิดอะำไรขึ้น" คำพูดนี้ทำให้พระองค์ฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงทรงไปคว้าแว่นวิเศษมาส่องดู ก็พบว่า ทั้งหมา แมว และนก ต่างขยายพันธุ์ของตัวเองออกไปมากมายหลายชนิด แต่ยังคงลักษณะเด่นของตัวเองเอาไว้

(ผลงานของเด็กจากนิทานเรื่องนี้)




ไม่มีความคิดเห็น: