วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555

นิทานหอศิลป์ 55 เรื่องที่ 9

ความสุขของการจาก


ก่อนจิ้นจะลากลับ จอยได้ขอให้จิ้นไปหาท่านพญานาคอีกครั้ง

พญานาคได้มอบทรายทิพย์ถุงหนึ่งให้จิ้น
บอกให้จิ้นไปโรยบนที่ดินที่ปลูกพืชไม่ขึ้น
จิ้นตัดสินใจแล้วว่าจะยกเลิกกิจการสวนสัตว์มหัศจรรรย์ของเขา         หากว่าดินของเขากลับมาดีเหมือนเดิมคิดว่าพ่อแม่ก็คงเห็นด้วย
จิ้นมีความสุขมากที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมที่สุขสงบ ดังเดิม

หลังจากที่โรยทรายทิพย์บนดินแล้ว
จิ้นตั้งใจจัดงานเลี้ยงให้ทุกคน เพื่อเลิกกิจการด้วยดี
งานเลี้ยงถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย  มีโต๊ะตัวใหญ่หลายตัว ที่ทำจากท่อนซุงเก่า
อาหารคือ พืชพรรณธัญหาร และ ขนมหวาน ที่มีกลิ่นหอมและสีสันชวนกิน
จากน้ำใจของผู้ร่วมงานคนละเล็กละน้อย
จิ้นพบว่า สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นได้ด้วยมือธรรมดาๆกับจิตใจที่มีแต่ความรักและเอื้อเฟื้อ

มีอาหารที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์มากมาย รสชาติก็แสนอร่อย
ทุกคนต่างอิ่มเอม มีอารมณ์สนุกสนาน สัตว์บางตัวลุกขึ้นมาร้องรำทำเพลงกลางลานกว้าง
บางตัวก็ออกมาต่อตัวกันจนสูง เป็นที่น่าหวาดเสียว ทั้งน่าตลกขบขัน

ทุกคนต่างพูดคุยหยอกล้อกันอย่างเฮฮา หลายสิบปีมาแล้วที่หมู่บ้านไม่มีบรรยากาศเช่นนี้
ประธานหมู่บ้านกล่าวขอบคุณจิ้นและจอยที่ทำให้เกิดสิ่งดีๆขึ้นในหมู่บ้าน
และย้ำให้ทุกคนขยันขันแข็งกับการปลูกพืชไร่และทำนาหาเลี้ยงตัวโดยไม่เบียดเบียนสมดุลย์ของธรรมชาติ
ส่วนสถานที่ลึกลับนั้นยังคงลึกลับต่อไป
ถ้าเราช่วยกันสร้างสังคมให้น่าอยู่ บ้านเมืองของเราก็เหมือนสิ่งมหัศจรรย์ในตัวเอง
และเป็นสถานที่ที่อบอวลไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และความเอื้ออาทรต่อกัน
ซึ่งจะหาไม่ได้ในที่อื่นใด

จอยและสัตว์แปลกๆ ของเธอค่อยๆมลายหายตัวไปอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่ช้า ความสุขสงบก็กลับคืนมาสู่จิ้นและครอบครัวตามเดิม
เมื่อจิ้นกับครอบครัวศึกษาการทำไร่นาอย่างดี ไม่ทำลายสมดุลย์ตามธรรมชาติ
ที่ดินของเขาก็กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้งโดยไม่ลำบากนัก
จิ้นกับพ่อแม่มีความสุขมากที่ได้ทำงานอยู่กินเป็นส่วนหนึ่งท่ามกลางธรรมชาติ





นิทานหอศิลป์ 55 เรื่องที่ 8

เมืองของจอย


จิ้นยังอดสงสัยเรื่องของจอยไม่ได้ เธอเป็นใครกัน และสถานที่ที่เธออยู่มันทำไมจึงประหลาดนัก
เช้าวันหนึ่งที่เป็นวันหยุดสวนสัตว์ จิ้นตัดสินใจออกไปสำรวจสถานที่หลังม่านไม้เลื้อยอีกครั้ง

ที่ม่านไม้เลี้อย เบื้องหลังกำแพงไม้ที่ทำขึ้นเป็นฉากหน้าบ้าน เพื่อปิดบัง
จิ้นเดินผ่านประตูที่คลายล็อคแล้ว ผ่านม่านไม้เลื้อยเข้าไป ยังคงเห็นต้นไม้ พุ่มไม้ และไม้ดอกที่แปลกตาเหมือนเช่นเคย เขามองตรงไปที่น้ำตกสายลูกปัด เขาอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างหลังนั่น

แต่จอยโผล่มาจากไหนไม่รู้ "ฉันรู้ว่าเธออยากรู้ และฉันจะไม่ปิดบัง"
"ก่อนอื่น เธอต้องพิสูจน์ตัวเองก่อน ว่าบริสุทธิ์พอที่จะผ่านเข้าไปไหม"
"พิสูจน์อย่างไร" จิ้นถาม "เธอจะต้องลงไปในน้ำนั่น" แล้วจอยก็ชี้ไปที่สระใหญ่เบื้องหน้าน้ำตก
"น้ำลึกไหม" จิ้นชักกลัว "ไม่ต้องห่วง โลมาของเราจะช่วยท่านเอง"

จู่ๆก็มีปลาโลมาตัวหนึ่งว่ายน้ำโผล่ขึ้นมา แล้วเป่าฟองน้ำยักษ์มาคลุมตัวจิ้นไว้
"กระโดดลงไปเลย เธอจะไม่ได้รับอันตราย ฟองน้ำจะช่วยให้เธอหายใจได้ในน้ำลึก"

จิ้นรู้ตัวอีกที ก็ลงมาอยู่ในน้ำลึกที่ดูเหมือนจะลึกไม่มีประมาณ เขาพบสัตว์น้ำนานาชนิด
และตรงที่ลึกที่สุด เขาเห็นแสงสว่าง ที่เย็นตา มันคือลูกแก้วพญานาค และมีพญานาคเฝ้าอยู่
เขากลัวมาก แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงจอยเรียกให้เขาโผล่ขึ้นไป

"เธอได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว เธอสามารถมากับฉันและผ่านประตูมิติเข้าไปได้
เขาแหวกม่านลูกปัดน้ำตกพร้อมจอย และมองเห็นประตูไม้บานหนึ่ง ค่อยๆเปิดออก
พลันได้รับรู้ถึงลมสดชื่นที่โชยมาปะทะใบหน้า เมื่อลืมตา เขาเห็นโลกใหม่

บ้านเมืองที่น่าอยู่ มีตึกรามใหญ่โต มีบ้านเรือนแสนน่ารัก มีต้นไม้ ดอกไม้อยู่ทั่วไป
ผู้คนมากมายแต่งตัวสีสันสดใส ไม่มีรถราวุ่นวาย มีแต่การเดิน และทักทายกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"เล่าความจริงให้ฟังก็ได้ ฉันน่ะ เป็นเจ้าหญิงของที่นี่ วังของฉันอยู่ทิศตะวันออก ฉันจะพาเธอไปเที่ยวที่นั่น" ระหว่างทาง จอยเล่าเรื่องต่างๆมากมายเกี่ยวกับหมู่บ้านของตนให้จิ้นฟัง รวมทั้งเรื่องที่ว่า เพราะเธอเป็นเจ้าหญิงจึงมีทั้งความสามารถและสิทธิพิเศษที่จะไปเยี่ยมดินแดนข้างนอกได้เป็นครั้งคราว

"หมู่บ้านของเราหลบซ่อนตัวจากสิ่งชั่วร้าย มีแต่คนที่จิตใจดีจริงเท่านั้นที่จะผ่านเข้ามาได้"
"พวกเราไม่ต้องการให้หมู่บ้านพบกับหายนะ เหมือนเช่นในอดีต เราจึงหมั่นบำเพ็ญความดี และอธิษฐานจิตให้เราพ้นจากเงื้อมมือของความชั่วร้าย แรงอธิษฐานทำให้หมู่บ้านเราลึกลับ แต่พวกเราจะยังคงอยู่ได้บนโลกใบนี้"
"ทำไมมีสิ่งประหลาดมากมายเกิดขึ้น แต่ก็ล้วนสวยงาม" จิ้นถาม
"นั่นเกิดจากพลังจิตที่บริสุทธิ์ มีแต่ความปรารถนาดี ให้โลกพบแต่ความสวยงามและน่าประทับใจ"
"โอ้...เมืองนี้น่าอยู่จัง"

"จิตใจของเราเป็นสิ่งพิเศษ และมีความวิเศษในตัว หมั่นทำแต่ความดี แล้วจิตใจเราจะมีพลังพิเศษ"
"ขอบใจเธอมากที่มอบสิ่งดีๆให้ฉัน ที่จริงฉันก็ถูกใจกับเรื่องที่ผ่านเข้ามา แต่ยังอยากกลับไปทำไร่ทำนาใช้ชีวิตที่สงบเงียบตามเดิมนะ"

"ไม่ต้องห่วง ไม่ช้าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น จะสลายตัวไปตามธรรมชาติ"
"ฉันคงกลับไปทำไร่เหมือนเดิม แต่อะไรที่เกิดขึ้นกับดินของฉันล่ะ"
"ดินจะอุดมสมบูรณ์  เธอจะได้พรวิเศษจากพญานาค"







จิ้นอยากรู้จริงๆว่าพรวิเศษนั้นคืออะไร

นิทานหอศิลป์ 55 เรื่องที่ 7

สวนสัตว์ปั่นป่วน


วันนี้เป็นวันหยุดของสวนสัตว์ แต่ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
สัตว์น้อยใหญ่ต่างวิ่งวุ่นไปอยู่ผิดที่ผิดทางผสมปนเปกันหมด
มันมีอะไรเกิดขึ้นนะ จิ้นออกสำรวจไปทั่วบริเวณพบว่า มีเหล่าแมลงน้อยใหญ่อยู่ทั่วไป
สัตว์ทั้งหลายคงไม่ชอบแมลง เพราะว่าต่างวิ่งหนีไปมาจ้าละหวั่น

จิ้นพยายามหาสาเหตุ และโดยไม่คาดฝัน จิ้นพบจอย จอยเล่าให้ฟังว่า
"เมื่อคืนนี้ มีลิงตัวหนึ่งแอบย่องเข้ามาในเขตบ้านฉัน เขาคงหิวและต้องการหาอะไรกิน
ฉันเก็บแมลงเล็กๆไว้เต็มขวดแก้ว เขาคงคิดว่าเป็นขนมเพราะมันมีสีสวยมาก
เขาเปิดฝาออกแล้วคงตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นแมลง จึงทำขวดแก้วหล่น แมลงเล็กๆเหล่านี้ก็เลยบินหนีออกมาทั่วบริเวณสวนของเธอ"
"สัตว์เหล่านี้มีอันตรายไหม" จิ้นถาม
"ไม่หรอกจ้ะ ที่จริงก็ไม่ผิดที่ลิงคิดว่ามันเป็นขนม เพราะมันมีสีสวยหวาน กับมีกลิ่นที่คล้ายขนมด้วย
ที่สำคัญคือ มันชอบบินและเกาะดอกไม้ใบหญ้า สิ่งที่มันเกาะจะกลายเป็นขนมจริงๆที่หวานหอม"
"เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้สัตว์ต่างๆวิ่งวุ่นไปมา ไม่ใช่ว่ามันกลัวแมลง แต่เป็นเพราะมันเดินตามไปกินขนม"

เราจะแก้ไขยังไงดี พรุ่งนี้เป็นวันเปิดสวนสัตว์เสียด้วย
"เอาอย่างนี้นะ" จอยเสนอแนะ "แมลงทุกตัวชอบดอกไม้สีรุ้งดอกโต
ถ้าเราหาดอกไม้นั้นมาได้ เราจะให้เจ้ายีราฟสีเขียว ช่วยชูดอกไม้นั้นขึ้น
จากนั้นแมลงทุกตัวจะอยู่รวมกันที่นั่น เราค่อยจับมันตอนนั้น"
"ดีมาก แล้วเราจะพบดอกไม้นั้นได้ที่ไหน"
"ฉันจะกลับไปบ้าน เอาไฟฉายวิเศษมาส่อง เราหามันเจอได้ไม่ยาก"

เด็กทั้งสองเดินกลับไปที่บ้านของจอย แล้วนำไฟฉายวิเศษออกมา
มันเหมือนไฟฉายธรรมดาทั่วไป เพียงแต่มีสีฟ้าเท่านั้นเอง อยากรู้ว่ามันจะวิเศษจริงไหม
เด็กทั้งสองช่วยกันส่องหาดอกไม้ใหญ่สีรุ้งไฟฉายจะมีดวงไฟเล็กๆสีแดงที่ร้องติ๊ดๆเมื่อไปถูกทาง
ไม่ช้าก็พบมันหลบซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบที่สุดทางของไร่จิ้น

เด็กๆทำตามแผนที่วางไว้ ยีราฟสีเขียวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
จากนั้น เด็กก็นำดอกไม้สีรุ้งมาวางไว้ในตู้กระจกที่จอยหามา แล้วปิดฝาครอบอย่างดี
แมลงทุกตัวบินวนอยู่รอบๆดอกไม้สีรุ้งในตู้กระจกอย่างมีความสุข

"มันจะไม่ตายใช่ไหม" จิ้นถามจอย
"ไม่หรอกจ้ะ ดอกไม้สีรุ้งทำให้อากาศข้างในสดชื่่นตลอดเวลา ไม่ต้องห่วงพวกแมลงเลย"

วันรุ่งขึ้น ผู้คนต่างตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ในสวนสัตว์ นั่นคือตู้โชว์แมลง ตู้ใหญ่พร้อมกับดอกไม้ยักษ์สีรุ้ง
ใกล้ๆกับตู้แมลง ยังมีผลิตภัณฑ์ขนมแสนอร่อย ที่แมลงผลิตขึ้น และจิ้นนำออกมาขายในราคาไม่แพงด้วย

สวนสัตว์มหัศจรรย์ของจิ้นเป็นกิจการที่ประสบความสำเร็จ ทำให้หมู่บ้านของจิ้นมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว ผู้คนต่างเดินทางมาจากที่ไกลเพื่อมาชมสัตว์ต่างๆที่ตื่นตาตื่นใจ


ในไม่ช้า ครอบครัวของจิ้นมีฐานะดีขึนมากจากกิจการสวนสัตว์แห่งนี้




วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555

นิทานหอศิลป์ 55 เรื่องที่ 6

สวนสัตว์ของจิ้น


เช้านี้หลังจากที่จิ้นตื่่นขึ้น เขาสดชื่นมาก และความคิดใหม่ก็ผุดขึ้นในสมอง เขาจะทำให้ไร่นาของเขาเป็นสวนสัตว์มหัศจรรย์  คิดได้ดังนี้แล้ว เขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบให้พ่อแม่ของเขาฟัง
เขามีความคิดว่าจะจัดที่ดินของเขาให้เป็นสวนสัตว์เปิด และให้สัตว์ทุกตัวที่เขาปั้นมาได้เดินเล่นไปมาในสวนให้ประชาชนได้เข้าชมและเก็บค่าเข้าชม ทุกคนจะได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของสวนสัตว์ที่แปลกประหลาดของเขา
พ่อกับแม่เห็นด้วย ทั้งสามช่วยกันจัดแต่งสถานที่ให้เหมาะสม และกั้นรั้วเพื่อแบ่งสัตว์ต่างๆให้เป็นหมวดหมู่  ไม่นานสวนสัตว์มหัศจรรย์ของจิ้นก็เป็นรูปเป็นร่างพร้อมที่จะเปิดให้ประชาชนเข้าชม
ในการนี้ จิ้นไม่ลืมที่จะทำสิ่งปลูกสร้างเพื่อปกปิดม่านไม้เลื้อยที่จะพาไปสู่ดินแดนอันลึกลับด้วยการทำเป็นแผ่นฝาพร้อมหน้าต่างและประตูให้ดูเหมือนบ้านที่ปิดตาย
ที่จริง เบื้องหลังนั้น ก็ยังมีอะไรให้ค้นหาอยู่ แต่จิ้นไม่ว่างแล้ว ตอนนี้ต้องช่วยกันหาเงินเข้าบ้าน

ป้ายประกาศโฆษณาถึงสวนสัตว์มหัศจรรย์ได้ถูกติดไปทั่วหมู่บ้าน
ชาวบ้านทุกคนต่างสนใจที่จะเข้ามาชม แต่ทว่า ไม่มีใครมีเงินสดติดบ้านเลย
ชายคนหนึ่งพูดขึ้นที่หน้าประตูทางเข้า ที่มีคนมากมายมารอเข้าชมสวนสัตว์
"กระผมอยากดูสัตว์แปลกๆข้างใน แต่ไม่มีเงินค่าผ่านประตู ผมขอเอาข้าวโพดเข่งหนึ่งมาแลกได้ไหม"
พ่อของจิ้นอนุญาต และยังอนุญาตให้ใครต่อใครเอาอาหารหรืออะไรก็ตามที่มีแบ่งปันนำมาแลกค่าผ่านประตูได้ ไม่ช้าที่บ้านจิ้นก็มีอาหารทั้งของสดของแห้ง คาวหวานมากมายจนกินไปได้อีกหลายเดือน

ทุกคนที่เข้ามาชมสวนสัตว์ ได้เห็นสัตว์แปลกๆมากมายที่แบ่งเป็นหมวดหมู่
มีสัตว์เลี้ยง ประเภท แมว หมา นก ลิง กระต่าย กระรอก อยู่ที่ส่วนหนึ่ง
สัตว์ขนาดกลางเช่น หมี หมีแพนด้า กวาง อยู่อีกส่วนหนึ่ง
แล้วยังมีสัตว์ใหญ่เช่น ฮิปโป แรด ช้าง อยู่ต่างหากอีก

นอกจากนี้ ที่แปลกกว่าสวนสัตว์แห่งอื่นยิ่งขึ้นอีกก็คือ
มีไดโนเสาร์พันธ์ต่างๆที่มีชีวิตมาปรากฏตัวให้เห็นด้วย ไดโนเสาร์ และ ยีราฟใจดี มีหน้าที่พาผู้ชม ชมสถานที่ และ ลานต่างๆของสัตว์ ให้ได้เห็นภาพชัดๆ และพากลับมาส่งอย่างปลอดภัย
สัตว์ทุกตัวต่างขี้เล่น และ ใจดี ไม่ดุร้าย ทุกคนที่มาชมต่างมีความสุขกลับไป

 ตกกลางคืน จิ้นและพ่อแม่ เก็บกวาดสถานที่เรียบร้อยแล้วก็กลับเข้าบ้านพักผ่อนและกินอาหารเย็นด้วยกัน ได้เข้านอนอย่างสบายใจเพราะไม่มีสัตว์ตัวไหนซุกซน ทั้งยังรู้ว่า ครอบครัวไม่ต้องอดอยากอีกต่อไป

นิทานหอศิลป์ 55 เรื่องที่ 5



ในดินแดนมหัศจรรย์


เช้าวันนี้ จิ้นสัญญากับพ่อและแม่ว่าจะหาโอกาสสร้างรายได้ ให้ที่บ้านให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ก่อนอื่นขอให้เขาได้ค้นหาสิ่งที่ต้องการก่อน

เขามุ่งหน้าไปที่ม่านไม้เลื้อย แหวกม่านและผ่านเข้าไป สิ่งที่พบเห็นก็ยังทำให้เขารู้สึกถึงความมหัศจรรย์เหมือนเดิม แต่เขาไม่เห็นจอย ถามสัตว์ตัวไหนก็ไม่มีใครสนใจ

ดูสิ มีหมูที่มีลายเหมือนรังผึ้งด้วย มันกำลังทำท่าจะบินเหมือนผึ้ง และกระโจนลงไปที่ดอกไม้ยักษ์เจ็ดสีดอกหนึ่ง จากนั้นก็มีหมีแพนด้า ที่มีลวดลายขาวดำสลับที่กับที่เขาเคยพบเห็น  รอบดวงตาของมันเป็นสีขาวในขณะที่ใบหน้าของมันเป็นสีดำ หน้าตาดูประหลาดและน่าขบขัน

วันนี้เขามองเห็นน้ำตกด้วย มันมีสีเหลือบรุ้งที่สวยงามมาก แต่เอ๊ะ เมื่อมองดูใกล้ๆ มันไม่ใช่น้ำ แต่มันเป็นเหมือนลูกปัดรูปหยดน้ำต่างหาก มีอะไรอยู่ด้านหลังม่านลูกปัดนั่นด้วย ด้านหน้าของน้ำตกนี้ มีน้ำสระใหญ่ด้วย ดูปกติดี แต่ว่า เมื่อเจ้าฮิปโปเดินผ่านพุ่มไม้กอเหลืองดังซุ่มๆ น้ำในแอ่งนั้นเกิดการหมุนวนขึ้น เป็นการหมุนวนที่นิ่มนวล ไม่นาน สัตว์ทั้งหลายก็ทยอยกันเดินมาเล่นน้ำในสระน้ำนี้ ทุกตัวหมุนวนเล่นน้ำในสระอย่างสนุกสนานเฮฮา ทำให้จิ้นพลอยรู้สึกสนุกไปด้วย แต่เขายังมีงานอื่นต้องทำ

เขาคิดถึงจอย เขามั่นใจว่าจอยต้องไปหาเขาที่สวนดินแน่ๆ เขาจึงออกจากแดนมหัศจรรย์ และตรงไปที่นั่น มันเป็นจริงอย่างที่เขาคิด เขาเห็นจอยกำลังนั่งปั้นดินเล่น เหมือนว่าจอยจะรอเขาอยู่
"เธอมาแล้วเหรอ ฉันจะสอนเธอปั้นสิ่งที่แตกต่างออกไป"
"ดีจ้ะ เธออยากสอนอะไรฉันบ้างเหรอ"
"เธอสังเกตเห็นไหมว่า การนำดินกลมสองก้อนมาซ้อนกัน
ก็ได้สัตว์แบบหนึ่ง ถ้านำมาเรียงกันแบบนี้ เธอก็จะได้สัตว์อีกแบบหนึ่ง"
"อ๋อ...สัตว์ที่มีลำตัวขนานกับพิ้น เช่น ฮิปโป ช้าง หมู แรด"
"ใช่จ้ะ ลองทำดูซิจ้ะ แล้วก็ติดขาทั้งสี่ด้านล่างแบบนี้"

"จอย เรามีเรื่องไม่สบายใจ" จิ้นพูดขึ้น
"ทำไมล่ะ"
"เราไม่เข้าใจว่าพื้นดินที่ไร่นาของเราทำไมทำแล้วไม่ได้ผล"
"ทุกวันนี้ โลกของเธอมันเปลี่ยนแปลงไปมาก" จอยตอบ
"เอ๊ะ โลกของฉันไม่ใช่โลกของเธอเหรอ"
"เอาล่ะ ตอนนี้เธอสามารถปั้นสิ่งต่างๆให้มีชีวิตได้
และสิ่งเหล่านั้นก็สามารถมีสีสันและลวดลายประหลาดๆได้
เธอคิดว่าสิ่งนี้จะช่วยฐานะทางบ้านของเธอได้อย่างไร"

เป็นเรื่องน่าคิดที่จอยฝากเอาไว้

วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

นิทานหอศิลป์ 55 เรื่องที่ 4

สัตว์ทั้งหลาย

ก่อนจิ้นจะออกจากบ้านวันนี้ แม่เตือนจิ้นอีกว่า
"ลูกจ๋า อย่ามัวแต่เล่น พืชไร่ของเราไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม
หนูต้องช่วยพ่อนะ"
"ครับผม ผมจะพยายาม"
ใจของจิ้นก็ยังเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่จิ้นต้องค้นหาให้พบ

เมื่อไปถึงสวนดินแสนสนุกของจิ้น  จิ้นพบว่าหัวหน้าดิน กำลังทำหน้าบึ้งอยู่
"เจ้าเป็นอะไรของเจ้า"
"เรางอนนะ เพราะเจ้าไม่ทำให้เราเป็นตัวอะไรเลย"
"เราคิดว่าเจ้าเป็นหัวหน้า เจ้าไม่ควรเข้าข้างใคร
เพราะฉะนั้น การที่เจ้าไม่ได้เป็นตัวอะไรย่อมยุติธรรมกว่านะ"
เมื่อได้ฟังดังนี้ หัวหน้าเริ่มรู้สึกดีขึ้น

"แล้ววันนี้พวกเจ้าจะปั้นอะไรกัน"
"เราคงปั้นอะไรอื่นไม่ได้ ถ้าจอยไม่มา"
"จอยเหรอ เราว่าเขาไม่มาแล้วล่ะป่านฉะนี้"
"งั้น เจ้าไปที่ที่หนึ่งกับเราได้ไหม"

"ได้ซิ ก่อนอื่นติดแขนขาให้เราก่อน"
จริงซินะ จิ้นกับจอยลืมติดแขนขาให้หัวหน้าเสียสนิท
หัวหน้าเลยเป็นหัวหน้าที่ทำอะไรไม่ได้
คราวนี้จิ้นนึกสนุก อยากให้หัวหน้าบินได้ เลยคิดว่าจะพยายามปั้นหัวหน้าให้เป็นนกด้วยตัวของเขาเอง
จิ้นพบว่าการปั้นนกง่ายมาก เพราะเพียงแต่แขนขาเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แขนกลมๆ ก็กดเป็นปีกแบนๆ ขาท่อนใหญ่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นขายาวๆเล็กๆ ส่วนหางที่เคยในหมาและแมวที่เป็นเหมือนไส้กรอกท่อนกลมๆ  ก็เปลี่ยนเป็นแผ่นแบนๆเท่านั้นเอง
ทันใดนั้น หัวหน้าก็บินได้ เขาดีใจมาก เขาร้องออกมาเสียงดังขณะที่บินอยู่กลางท้องฟ้า
"ว้าว ว้าว..... นี่ยอดเยี่ยมมากเลย เราบินได้ด้วย เรามองเห็นพื้นดินด้านล่าง ที่เราอยู่มานานแสนนาน เราไม่เคยประสบกับมุมมองใหม่เช่นนี้มาก่อนเลย เห็นไร่นาเหมือนผ้าห่มผืนเล็กๆ เห็นต้นไม้ที่เคยรู้สึกว่าใหญ่ยักษ์ เหมือนกับก้อนฟองน้ำก้อนเล็กๆสีเขียวที่ฝ่าเท้าเท่านั้นเอง  ได้เอาหน้าปะทะเมฆที่ไม่เคยสัมผัสได้เพราะไกลเกินเอื้อม ว้าวๆๆๆๆ"

ไม่นานหัวหน้าก็นึกได้ถึงหน้าที่ของตน  จึงตามจิ้นออกเดินทางไปที่ม่านไม้เลื้อย
จิ้นลังเลใจ ไม่กล้าผ่านเข้าไปเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวอะไรออกมา
แต่ก็อยากรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรหนา ที่ทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นได้
หัวหน้าอาสาไปสืบค้น จิ้นนั่งรออยู่ที่หินด้านนอก
เวลาผ่านไปนาน จนจิ้นกระวนกระวายใจ แมวสีชมพูตัวหนึ่งเดินผ่านมา
"จิ้น เจ้ามานั่งทำอะไรตรงนี้" แมวพูด
"เรารอหัวหน้าอยู่ เขาเข้าไปข้างในตั้งนานแล้ว"
"เจ้าก็เข้าไปเลยซิ ข้างในนั้นสนุกนะ"
"ไม่เอา เราไม่อยากตัวสีชมพูเหมือนเจ้า"
"เหลวไหล มันอยู่ที่ตัวเจ้าเอง เข้าไปซิ เข้าไปเลย ไม่มีอันตราย ฉันรับรอง"

จิ้นตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ยกมือขึ้นพนม คิดถึงพ่อแก้วแม่แก้ว แล้วก็กระโดดเข้าไปหลังม่านนั่น
ที่นี่ไม่เหมือนที่ไหนที่จิ้นเคยเห็นมา มีต้นไม้แปลกๆมากมาย และมีสัตว์ต่างๆทั้งน้อยใหญ่ที่มีหน้าตาประหลาดๆอีกนับไม่ถ้วน

เขาไม่กล้าแตะต้องอะไร เพราะกลัวอันตราย และแล้วเขาก็ได้พบกับจอย จอยพูดว่า
"ยินดีต้อนรับสู่บ้านของฉัน วันนี้ฉันยังไม่ได้ออกไปหาเธอ แต่ฉันกลับได้เจอเธอที่นี่"


เขาเพลิดเพลินกับสิ่งแปลกตาที่ได้พบเห็นมาก ต้นไม้แปลกๆ สีสันแปลก ต้นไม้ที่มีลำโพง ต้นไม้มีใบเป็นมือ ต้นไม้ของขวํญ และอื่นๆอีกมากมาย

ไม่นานเขาก็สะดุ้งเฮือก เพราะคิดได้ว่าข้างนอกตอนนี้ คงจะเป็นเวลาเย็นมากแล้ว แม่และพ่อจะคอยกินข้าวเย็น เขาจึงบอกลาจอย จอยมาส่งที่ม่านไม้เลื้อย

จากนั้นจิ้นก็เดินกลับบ้านด้วยความฉงนฉงายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเขายังหาคำตอบไม่ได้ แต่เขารู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป เขาไม่เปิดปากเล่าให้แม่กับพ่อฟัง เขายังต้องการรู้เรื่องเพิ่มอีก




นิทานหอศิลป์ 55 เรื่องที่ 3



สัตว์กลุ่มแรก

เช้าวันใหม่ แม่บอกจิ้นว่า อย่าลืมนะว่าเรายังทำไร่ไม่ได้ผล  การมัวแต่เล่นสนุกอาจทำให้บ้านเราขาดรายได้ จำเป็นที่เราจะต้องหารายได้ทดแทน   แต่จิ้นก็ออกจากบ้านมายังที่ดินของตนที่เดิมเพื่อที่จะได้พบเพื่อนๆดินตัวน้อยๆของเขา และถ้าโชคดี ก็จะได้พบกับ "จอย"ด้วย  เขารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งใหม่ในชีวิต และเขายังอยากจะค้นหามันต่อไป

เมื่อมาถึงที่เดิม เขาก็พบว่าก้อนดินของเขาพากันเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วแต่ก็ไม่มีตัวใดหายไปจากบริเวณนั้นเลยดินท่าทางต่างๆ ดูเหมือนว่าจะแข็งไปหมดแล้ว เป็นโอกาสดีให้จิ้นได้สำรวจหน้าตาของดินต่างๆเหล่านั้นอีกที แต่ละตัว มีหน้าตา และท่าทางที่ตลกขบขัน ชวนให้คิดได้ว่า เพราะหน้าตาท่าทางนี่เอง ที่สื่อสารความรู้สึกนึกคิดได้ โดยไม่ต้องใช้คำพูด

และแล้วดินสีเข้ม ซึ่งจิ้นตั้งชื่อว่า "หัวหน้า" พูดขึ้น เขายังเป็นตัวเดียวที่ไม่แข็งแห้ง
"สวัสดีนายจิ้น เราคิดว่านายน่าจะทำให้พวกเราดูแตกต่างกันมากกว่านี้นะ"
"เธอพบจอยบ้างไหม"
"ยังไม่เห็น แต่เชื่อว่าเขาจะมานะ"

ไม่นานจอยก็ปรากฏตัวขึ้น
"วันนี้เราจะสอนเธอทำสัตว์ต่างๆ" จอยพูด
"ไชโย" จิ้นร้องขึ้น
"เริ่มด้วยการหาใบไม้ต่างๆ เอามาประกอบ ทำเป็นหูสัตว์"
"โอ้ จากลูกกลมๆที่มีเพียงหน้าตาและอารมณ์ ก็สามารถทำเป็นสัตว์ต่างชนิดกันได้"
"ใช่แล้วจ้ะ..ดูนะเสียบใบนี้เข้าไปกลายเป็นแมว ใบนี้ยาวหน่อยเสียบเข้ากลายเป็นหมา
แล้วใบนี้เหมือนใบพาย เสียบเข้ากลายเป็นกระต่าย"
"โอ้... ไม่เคยรู้มาก่อนเลย การมีเพื่อนก็ดีอย่างนี้เอง"
"บ้านเธออยู่ไหนจ้ะ "จิ้นถามจอย  แต่จอยไม่ตอบ

สักพัก เด็กทั้งสองก็ปั้นแต่งได้แมว หมา และกระต่าย รวมทั้งสัตว์แปลกๆมากมาย
แมวก็เดินแบบแมว หมาก็เดินแบบหมา กระต่ายก็กระโดดไปมา
จิ้นเพลิดเพลินมาก จนไม่ได้สังเกตว่าจอยหายไปแล้ว
หมาวิ่งไล่แมว แมวปืนขึ้นต้นไม้กระโดดลงมาทับกระต่าย กระต่ายวิ่งหนีหายไปในพงหญ้า
จิ้นวิ่งตามหา แล้วพบว่ากระต่ายหายไปในม่านไม้เลื้อย
และวิ่งกลับออกมา มีสีสันแปลกตา มิหนำซ้ำยังสามารถเดินสองขาได้เหมือนคนอีกด้วย
ส่วนแมวกับหมาวิ่งไล่ตามกัน แล้วหายเข้าไปที่เดียวกัน กลับออกมาก็มีสีแปลกแตกต่างมีลวดลายพิสดาร กอดคอกันเดินออกมาราวกับเพื่อนที่รักกันมานาน

สัตว์ทั้งหมด สามารถทำสิ่งพิเศษที่น่าจะเรียกว่า กิจกรรมผสมสี
เมื่อแมวสีน้ำเงิน กระโดดชนแมวสีเหลือง จะมีแมวสีเขียวกระเด็นออกมา
หมาสีเหลืองชนกับหมาสีแดง เกิดหมาสีส้มออกมา
กระต่ายสีแดง ชนกับกระต่ายสีน้ำเงิน เกิดเป็นกระต่ายสีม่วงออกมา
สีสัน และกายกรรมของพวกสัตว์ ทำให้จิ้นตื่นตาตื่นใจมาก

จิ้นอยากรู้ว่าหลังม่านไม้เลื้อยนั้นมีอะไรพิเศษหนอ ทำไมทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้
แต่ว่านี่ก็เย็นแล้ว ต้องกลับบ้านเสียที ไม่เช่นนั้น พ่อแม่ต้องเป็นห่วง
พรุ่งนี้ค่อยมาหาคำตอบดีกว่า