วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

นิทานหอศิลป์ 54 เรื่องที่ 9

ยักษ์กับเมือง

เมื่อได้กลับมาถึงแผ่นดินใหญ่ องค์หญิงพบว่า ทุกสิ่งเปลี่ยนไป บ้านเมืองเงียบผิดปกติ มีชาวเมืองบางส่วนที่หลบซ่อนอยู่ ออกมาบอกองค์หญิงว่า “จู่ๆ มียักษ์ตัวหนึ่ง โผล่มาจากไหนก็ไม่ทราบ หน้าตาไม่น่ากลัว ใส่ชุดสีขาว แต่พวกเราไม่ไว้ใจ จึงหลบซ่อนตัว พอเห็นว่ามันไปแล้ว พวกเราจึงโผล่ออกมา เห็นว่ามันเอาวังขององค์หญิงไป”
องค์หญิงตกใจมาก ถามว่า “แล้วเสด็จพ่อ เสด็จแม่ของเราล่ะ”
“ข้าเกรงว่าจะถูกมันเอาไปด้วย” ชาวบ้านตอบ
“ทำยังไงดีล่ะ นายนิน” เด็กหญิงหันไปถามเด็กชายนิน
“ข้าจะให้ห่วงในถุงช่วย ดีไหมพะยะค่ะ” เด็กชายตอบ
“ดี ลองหาวิธีช่วยหน่อย” องค์หญิงขอร้อง ห่วงทุกอันที่มีอยู่ในถุงแปลงร่างเป็นคนต่อตัวกัน และก็สามารถวิ่งออกมาต่อกันได้เรื่อยๆไม่รู้จักจบ มันพุ่งตัวต่อกันไปเหมือนหางว่าว แล้วเลื้อยออกไปสู่เบื้องหน้าจนสุดขอบฟ้า องค์หญิงมองไม่เห็นตัวแรกเลย
ไม่นานพวกมันกลับมารายงานว่า พบพระราชวังและยักษ์อยู่ด้วยกันที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง ยักษ์กำลังหลับ องค์หญิงผู้กล้าหาญ ขอให้ห่วงพาไปพบ ห่วงจึงให้องค์หญิงขี่ไปตามสายที่ทอดตัวออกไป โดยมีเด็กชายนินตามไปด้วย เมื่อพบยักษ์ที่นอนอยู่ เด็กชายนิน จำได้ว่า เขาคือเทวดา องค์ที่มาเข้าฝันให้นำถุงมาให้องค์หญิงนั่นเอง
“ทำไมท่านต้องทำเช่นนี้” เด็กชายถาม “เพราะข้าเบื่อ” เทวดาในร่างยักษ์ตอบ
“ข้าต้องการเล่นกับสิ่งเล็กๆดูบ้าง แต่ไม่ต้องห่วงหรอก พ่อแม่ขององค์หญิงท่านสบายดี ข้าเพียงแต่ไม่ต้องการกวนท่าน เลยยกท่านมาด้วย ...เจ้ามาดูนี่ซิ” แล้วเทวดาก็ชี้ชวนให้ดูเมืองน้อยๆที่เทวดาสร้างขึ้น จากการนำตึกจากที่ต่างๆมาเรียงกันจนเป็นเมืองๆหนึ่ง คล้ายกับการต่อเลโก้ของเด็กๆดูน่าอัศจรรย์ดี
องค์หญิงรีบวิ่งเข้าไปหาเสด็จพ่อเสด็จแม่ ส่วนเด็กชายนิน ได้แต่ยืนอ้อนวอนเทวดาให้เลิกเล่นเช่นนี้เสียที เทวดายังสนุกอยู่ ไม่ยอมฟังเด็กชายนิน องค์หญิงทรงขอร้องให้ห่วงที่แปลงร่างเป็นคน ต่อตัวกันให้องค์หญิงประทับนั่งที่คอและยกพระองค์สูงขึ้นไปจนอยูใกล้หน้าของเทวดายักษ์ เพื่อจะได้ขอร้องเทวดาได้ใกล้ชิดมากขึ้น ในที่สุด เมื่อเทวดาเห็นว่าองค์หญิงทรงมีความพยายามจึงยอมเลิกการเล่นต่อเมือง และแปลงร่างกลับเป็นปกติ
“ เราเลิกเล่นก็ได้ แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าอย่างหนึ่ง”
“อะไรล่ะ” องค์หญิงถาม
“เจ้าทั้งสองต้องไปเล่นกับข้าที่บ้านต้นไม้ ณ น้ำตกบนเกาะ ทุกอาทิตย์”
“ถ้าอย่างนั้น ได้ซิ ได้แน่นอน จงทำให้ทุกสิ่งกลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะ”
“แต่ข้าว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว” เด็กชายนินตอบ
เพราะบ้านเมืองที่เทวดาสร้างขึ้นนั้น สวยงามมาก สมกับเป็นฝีมือเทวดาจริงๆ
ตั้งแต่นั้นมา องค์หญิงและเทวดาก็ไม่เบื่อชีวิตอีกต่อไป เพราะบ้านเมืองขององค์หญิงมีความงดงามมากขึ้น มีผู้คนจากที่ต่างๆพากันมาท่องเที่ยว ทำให้องค์หญิงได้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่ไม่ซ้ำหน้ากัน ส่วนเทวดา ก็ได้แต่เฝ้ารอคอยวันที่เด็กชายนินและองค์หญิงจะมาเล่นกับตนอย่างมีความสุข

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

นิทานหอศิลป์ 54 เรื่องที่ 8

เรือกับพายุ

วันนี้เป็นวันที่องค์หญิงต้องเดินทางกลับวัง ทรงเรือส่วนพระองค์พร้อมกับเด็กชายนิน แม่นม และถุงหลากสี กับข้าราชบริพารอีกสองสามคน
ขณะที่เรือแล่นอยู่กลางทะเล ได้เกิดมีลมพายุหมุนวน พัดเรือจนหมุนติ้ว อย่างแรง ถุงสีฟ้า กระเด็นตกลงไปสู่ก้นทะเล ห่วงต่างๆ ได้หลุดลอยน้ำออกมามากมาย บ้างก็กลายเป็นปลา บ้างก็กลายเป็นหอย ต่างตัวต่างมีลักษณะผิดแผกไปจากธรรมดา
เทวดารักษาน้ำ ได้ออกจากวังออกมาดู เห็นว่าเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น จึงว่ายน้ำขึ้นโผล่อากาศดู เห็นแล้วว่าเรือน้อยขององค์หญิงกำลังจะแตกจมทะเลไป
เทวดาสงสาร จึงเสกปลาโลมายักษ์คู่หนึ่งตรงเข้าประคองเรือไว้ จากนั้นปลาโลมายักษ์ก็ว่ายน้ำพร้อมกันพุ่งไปยังแผ่นดินใหญ่
แต่ไม่ทันที่จะถึงแผ่นดิน องค์หญิงนึกได้ว่า ไม่มีใครไปงมเอาถุงสีฟ้าของพระองค์กลับมา ทรงกรรแสง คิดถึงถุงของพระองค์
ทำให้เด็กชายนินต้องหาทางช่วย เด็กชายกล่าวกับปลาโลมาว่า “ถ้าเจ้าตัวใดตัวหนึ่งพาเรือน้อยกลับแผ่นดินแล้วเจ้าอีกตัวหนึ่งพาข้าไปหาถุงวิเศษนั้น จะได้ไหม” ปลาโลมาทั้งสองผงกหัวหงึกๆ เป็นการตอบรับ
จากนั้น ตัวหนึ่งก็พาเรือกลับวัง อีกตัวหนึ่งไปกับเด็กชายนิน
เมื่อกลับสู่ตำแหน่งเดิมปรากฏว่าพายุยังคงมีกำลังอยู่ จึงพัดพาเด็กชายนินและปลาโลมาจมลงก้นทะเล ที่นั่นเองเด็กชายมองเห็นถุงและคว้าไว้ได้ แต่ปลายอีกข้างหนึ่งกลับมีตัวประหลาดหน้าตาคล้ายไดโนเสาร์คาบอยู่
“เจ้าจงปล่อยมันให้ข้าเถอะ องค์หญิงของข้ากำลังรออยู่อย่างโศกเศร้า”
“ไม่ได้ข้าต้องการนำมันไปให้กับเทวดาแห่งน้ำซึ่งเป็นนายของข้า ต้องใช้ถุงใบนี้เท่านั้นจึงจะสามารถเก็บกวาดสัตว์ประหลาดที่ออกมาลอยเกลื่อนทะเลได้หมด”
“ตกลง งั้นข้าของตามเจ้าไปเก็บด้วย” แต่สัตว์ตัวนั้นยืนยันว่าถ้าจะตามไป เด็กชายนินต้องกลืนไข่มุกวิเศษเม็ดหนึ่งเข้าไปเสียก่อนเพื่อช่วยให้เขาหายใจใต้น้ำได้เหมือนอยู่บนบก เขายอมทำตามแต่โดยดี ไม่นานทั้งสามก็ช่วยกันเก็บสัตว์ต่างๆเหล่านั้นได้หมด และนำถุงกลับไปคืนองค์หญิงน้อยได้โดยสวัสดิภาพ