วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

นิทานหอศิลป์ 56 เรื่องที่ 8



สัตว์ใหญ่กลายเป็นสัตว์เล็ก
นิดไม่ชอบใจเลยที่โดนพ่อแม่ดุว่าอยู่ตลอดเวลา “ทำไมเป็นเด็กจึงทำอะไรไม่เคยถูกเลย” นิดโมโห “อยากให้พ่อแม่ลองมาเป็นเด็กดูมั่ง” นิดคิด  หน่อยเข้ามาพอดี “ ถ้าเธอเป็นพ่อแม่ สลับกันบ้างล่ะ จะเป็นยังไง” “ได้เสมอ” นิดพูดอวดเก่ง
ขณะที่เด็กสองคนคุยกันนั้นเอง พลันมีเสียงกรุ๊งกริ๊ง คล้ายกับมีลมพัดกระดิ่งเล็กๆ  ไม่นาน ก็เกิดลมขึ้นมาจริงๆ แล้วมีเสียงๆหนึ่งพูดขึ้นว่า “เป็นจริงตามนั้น” แต่แทนที่เด็กๆจะกลายเป็นพ่อแม่ ตัวของเขาก็ยังเหมือนเดิม เพียงแต่มีขนาดใหญ่ขึ้นๆ “เอ้ย.. เรื่องประหลาดๆ ทำไมมันเกิดขึ้นกับเราสองคนบ่อยจัง”
ทั้งสองคนอยู่ในบ้านไม่ได้แล้ว เพราะตัวกำลังโตขึ้นทุกทีๆ จึงรีบวิ่งหนีออกจากบ้าน เนื่องจากตัวเขาโตขึ้นเรื่อยๆ การวิ่งของเขาเมื่อเทียบกับคนธรรมดา จึงกินระยะทางไกลมาก พวกเขาก็ไม่รู้ว่าวิ่งมาถึงไหน แต่เห็นว่าที่ทางดูแปลกๆ
เขาเห็นสัตว์หลายตัว มีกระต่าย ลิง กระรอก ล้วนแล้วแต่ตัวโตผิดปกติ เกิดอะไรขึ้นนะ
สัตว์เหล่านั้นก็ดูท่าทางงงๆเหมือนกัน  กระต่ายพูดว่า เมื่อกี้ฉันยังตัวเล็กอยู่เลย ไม่อยากคิดว่า สัตว์ใหญ่ๆอย่างช้าง แรด ฮิปโป เขาจะต้องตัวมหึมาขนาดไหน น่ากลัวไม่น้อย
แต่เรื่องไม่เป็นอย่างนั้น เพราะมีช้าง แรด ฮิปโป มีขนาดเล็ก วิ่งอยู่ใกล้ขาของพวกเขาวุ่นวายไปหมด  เอ้อ โลกมันกลับตาลปัตรเสียแล้ว ไม่นานพวกสัตว์ใหญ่ที่กลายเป็นสัตว์เล็ก หายเข้าไปในรูที่พื้นดินเพื่อซ่อนตัวกันหมด
กระต่ายไม่กินหญ้าต้นเล็กๆแล้ว มันไม่อิ่ม มันถอนต้นไม้กินกันใหญ่ นิดกับหน่อยเห็นว่า ถ้าขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ต้นไม้ต้องหมดโลกแน่ เพราะกระต่ายเป็นสัตว์ทำลาย พวกเขาตกลงกันว่าจะกลับไปบ้านเพื่อตามหาเจ้าของเสียงนั้น  เขาต้องเป็นคนทำให้สิ่งต่างๆเหล่านี้ เกิดขึ้นแน่นอน
พอกลับไปถึงบ้าน ทั้งสองก็พบว่าบ้านของตน หลังเล็กนิดเดียว แต่ก็พอจะมองลอดไปได้ ทั้งสองมองหาห้องที่ตนอยู่ตอนมีเสียงนั้น ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ นอกจากกระดิ่งเล็กๆที่ห้อยอยู่ริมหน้าต่าง ซึ่งพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
นิดจับกระดิ่งขึ้นมาเขย่าหลายครั้ง จนในที่สุด มีเสียงพูดว่า “ต้องเป็นแบบนี้ไปอีกพักใหญ่ เจ้าหนู เจ้าทำอะไรไม่ได้หรอก ข้าลิขิตไว้แล้ว” เด็กทั้งสองหมดความพยายาม สายตาเหลือบไปเห็นพ่อกับแม่ ตัวเล็กนิดเดียวกำลังยืนงงอยู่ในห้องรับแขก พวกเขาจึงรีบแอบย่องไกลบ้านออกมา
ไกลออกมา เห็นลิงยักษ์กำลังจะจับช้างจิ๋วเข้าปาก ช้างพยายามพ่นน้ำใส่ลิง แต่ก็เป็นเพียงละอองน้ำเล็กๆขี้ประติ๋ว  ส่วนฮิปโป ก็พยายามอ้าปากขู่เพื่อช่วยเพื่อน แต่ไม่ได้ผล เพราะมีขนาดเล็กนิดเดียว ลิงไม่กลัว นิดมาเห็นเข้าจึงรีบห้ามไว้ บอกลิงว่า นี่ไม่ใช่แมลงนะ ถ้าเจ้ากินแบบนี้ สัตว์ใหญ่หมดป่าแน่  จงรู้ไว้ ลิงยอมเชื่อ หันไปคว้าลูกแตงโมมากินแก้หิวไปก่อน แม้จะดูเท่าลูกองุ่นก็ตาม
ไม่นาน นิดและหน่อย ได้ยินเสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊ง ที่เคยได้ยินก่อนเกิดเหตุการณ์ จึงรู้ว่าหมดเวลาที่จะเป็นคนตัวใหญ่แล้ว และจริงดังคิด สัตว์ที่เคยเล็ก กลับมาเล็กเหมือนเดิม ส่วนสัตว์ที่เคยใหญ่ก็กลับมาใหญ่เหมือนเดิม นิดและหน่อยกลับมามีขนาดเท่าเดิม ทั้งสองรู้สึกดีมากที่ได้ช่วยชีวิตสัตว์ใหญ่ และผืนป่า ไม่ให้ถูกสัตว์ที่เคยเล็กทำลายลง ต่างเดินกลับบ้านไปหาพ่อแม่อย่างมีความสุข แต่ว่าทางดูเหมือนช่างไกลเหลือเกิน

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

นิทานหอศิลป์ 56 เรื่องที่ 7



งานเลี้ยงของแมลง

วันนี้นิดนำขวดใบหนึ่ง ไปดักจับแมลงสีสวยตัวหนึ่งได้ เรียกชื่อว่า “เต่าทอง” มีสีสวยงามมาก นิดนำใบไม้ใส่เข้าไปใบหนึ่ง แล้วปิดฝาขวดที่เจาะรูแล้ว นำไปไว้ริมหน้าต่างที่ห้องนอน
คืนนั้น นิดนอนหลับไปไม่นาน ก็มองเห็นหิ่งห้อยหลายตัวบินวนเวียนอยู่ใกล้กับขวดที่เก็บแมลง นิดจึงเดินเข้าไปดู ได้ยินเสียงแมลงคุยกันเป็นที่น่าประหลาดใจ
“คืนนี้ พระองค์ต้องไปให้ได้นะ” หิ่งห้อยตัวหนึ่งพูด “จะไปได้ยังไง ถูกขังอยู่แบบนี้ เด็กใจร้าย” นิดตกใจสะดุ้ง “งานนี้มันสำคัญมากนะ เธอไม่ไปไม่ได้ คืนนี้เรามีการรวมตัวของแมลงหลายชนิดมาก เราต้องการเลือกแมลงที่เหมาะสม ไปเจรจากับนางฟ้าของเหล่าแมลง พระองค์น่าจะเป็นตัวแทนได้ ถ้าพระองค์ไม่ไป ก็จะไม่มีความยุติธรรม” นิดได้ยินทั้งหมด จึงตัดสินใจเปิดฝาขวด และปล่อยแมลงตัวนั้นไป

พวกแมลงดีใจมากที่หิ่งห้อยออกมาจากขวดได้ เหล่าแมลงทั้งหมดพากันบินตรงไปที่ทิศทางหนึ่ง นิดไม่ง่วงแล้ว จึงวิ่งตามไปทางทิศนั้น ตรงที่มีพุ่มไม้หนาแน่น นิดประหลาดใจที่มองเห็นแมลงมากมาย มาชุมนุมกันอยู่ มีสีสันและรูปร่างแตกต่างกันมาก ดูเหมือนว่าการประชุมครั้งนี้สำคัญมากจริงๆ เพราะไม่มีแมลงตัวไหนสนใจนิดเลย
“เราขอเสนอให้องค์หญิงผีเสื้อสีขาวเป็นตัวแทน มีใครเห็นด้วย ให้หย่อนเมล็ดพืชลงในหลุมที่พระองค์ยืนอยู่ได้” แมลงสีเหลืองพูดขึ้น “ส่วนเราเสนอให้องค์ชายเต่าทองเป็นผู้ไปเจรจา เช่นกัน ใครเห็นด้วยให้หย่อนเมล็ดพืชลงในหลุมนี้” จากนั้นแมลงต่างๆพากันเลือกแมลงที่ตนเห็นว่าเหมาะสม ในที่สุดหลังจากนับเมล็ดพืชคะแนนเสียงเป็นที่เรียบร้อย จึงประกาศออกมาว่า “องค์ชายแมลงทับ ได้เป็นตัวแทน!” แล้วตามมาด้วยเสียงไชโยแสดงความยินดีอย่างกึกก้อง

“ฉันอยากรู้ว่าพวกเธอไปเจรจาอะไรกับนางฟ้า” นิดถามแมลง  แมลงทุกตัวหันมามองนิดเป็นตาเดียวกัน มดดำตัวหนึ่ง (เป็นแมลงเหมือนกัน)พูดว่า “บอกให้ก็ได้ นางฟ้าน่ะจับตัวราชินีผีเสื้อแสนสวยของเราไป เราต้องการเจรจาให้นางปล่อยตัว” “อ๋อ แล้วเราช่วยอะไรได้ไหม” นิดถาม “ไม่ทราบเหมือนกัน” มดบอก แต่ท่านจะตามพวกเราไปก็ได้นะ เราจะจัดการให้เสร็จสิ้นภายในคืนนี้”
ทุกคนมุ่งตรงไปยังบึงน้ำเล็กๆข้างๆบ้านนิด อันเป็นที่ที่เหล่าแมลงนัดหมายนางฟ้าไว้ “ตรงนี้แหละ เราจะรอจนกว่า นางฟ้าจะมา” แมลงทับเตรียมตัวพร้อมเจรจา แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง แมลงทุกตัวต่างมองไปยังทิศที่ตนคาดว่านางฟ้าจะเดินมา “นั่นไง นางฟ้ามาแล้ว !! “ทุกตัวชี้ไป นิดมองตามมือแมลง เห็นเด็กสาวคนหนึ่งแต่งตัวด้วยกระโปรงขาวเบาพลิ้วดูคุ้นเคย มือถือผีเสื้อแสนสวยตัวหนึ่งมา “อ้าวนิด มาทำอะไรที่นี่” เด็กสาวพูด”แล้วเธอล่ะ หน่อย” ที่แท้นางฟ้าที่แมลงพูดถึงก็คือหน่อยนั่นเอง “ฉันถูกเหล่าแมลงเรียกตัวมา บอกให้มาที่นี่ เพื่อรับฟังคำเจรจา เพราะฉันจับตัวผีเสื้อของพวกเขาไป” “อ้าว เธอไปจับผีเสื้อตัวนั้นมาทำไม” “ก็เห็นมันสวยดี และเธอกำลังสะสมแมลงอยู่ก็เลยว่าจะเก็บมาให้เธอ” หน่อยพูด

“ต่อไปนี้เราจะไม่จับแมลงมาสะสมแล้ว เธอก็ได้ยินสิ่งที่แมลงพูดกันเหมือนที่ฉันได้ยินใช่ไหม” “มันมีชีวิตจิตใจเหมือนพวกเรา มันรักพวกพ้องและครอบครัว เราปล่อยให้มันอยู่ตามธรรมชาติเถอะ” ว่าแล้วหน่อยก็ปล่อยตัวผีเสื้อราชินีแสนสวยของพวกแมลงกลับสู่ถิ่นของมัน ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจ เหล่าแมลงได้เชิญนิดและหน่อย ให้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองของพวกมันด้วย
งานเลี้ยงสนุกมาก หิ่งห้อยต่างเอากระดาษแก้วสีสวย มาปิดไว้ที่ก้นเรืองแสงของมัน แล้วก็บินไปบินมา สร้างบรรยากาศสดใส ส่วนจิ้งหรีด จักจั่น หริ่งเรไร ต่างร้องเพลงขับกล่อมตามที่ตนถนัด ภายในงานจะมีอาหารมากมาย ล้วนแต่ปรุงจากดอกไม้นานาชนิด ที่ทั้งนิดและหน่อย ไม่สะดวกที่จะรับประทาน แต่ก็สนุกกับงานได้ อย่างน้อย ก็มีน้ำผึ้ง เป็นของหวานชั้นดีให้ลิ้มลอง
เมื่องานเลี้ยงจบลง นิดและหน่อยโบกมือลาแมลงทุกตัว แมลงต่างโบกมือและกระพือปีกตอบ จากนั้นทุกคนและทุกตัวก็แยกย้ายกันกลับบ้าน นิดและหน่อยจะไม่มีวันลืมบรรยากาศนี้เลยตราบชั่วชีวิต

นิทานหอศิลป์ 56 เรื่องที่ 6



ปลาไม่ยอมว่ายน้ำ
นิดและหน่อย เลี้ยงปลาอยู่จำนวนหนึ่งที่บ่อปลาเล็กๆหลังบ้าน วันหนึ่ง เด็กทั้งสองต้องแปลกใจมากที่ปลาทุกตัวลอยน้ำเฉยๆอยู่กับที่  มีอาการคล้ายว่าไม่ยอมว่ายน้ำ จึงสงสัยและเฝ้าสังเกต ไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด นอกจากว่า มีลูกแก้วประหลาดสีเหลืองอยู่ในบ่อปลา

นิดจึงหยิบขึ้นมาดู พอหยิบขึ้นมาปั๊บ ทั้งสองเหมือนจะหมดสติไป ตื่นขึ้นมาอีกทีเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในน้ำโดยไม่สำลัก กับปลาต่างๆมากมายหลากหลายพันธุ์ ผิดแต่ว่า นิดและหน่อยมีขนาดตัวเท่ากับปลาเหล่านั้น ที่นี่ก็แปลกไป ปลาต่างๆที่เห็น ไม่รู้ว่าเป็นปลาน้ำเค็มหรือปลาน้ำจืด มันดูผสมปนเปกันยุ่งไปหมด
ตรงโขดหินที่เต็มไปด้วยปะการัง  เห็นลูกแก้ววิเศษอีกลูก มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ลองว่ายเข้าไปดูใกล้ๆ  โอ้ มีลำแสงสีสวยส่งประกายเจิดจ้าแสบตาออกมา จนต้องหลับตา ลืมตาขึ้นมาก็เห็นลูกแก้วเล็กๆสีต่างๆทั่วบริเวณไปหมด จึงพากันเก็บเล่นด้วยความเพลิดเพลิน ถึงกับกระเป๋าอ้วนออกมา
สักครู่ มีไหลตัวใหญ่ยืนขวางอยู่ มันพูดว่า “เจ้าทั้งสองต้องโทษ โปรดตามข้าพเจ้าไปพบท่านปลาใหญ่เจ้าแห่งท้องน้ำ” ทั้งสองไม่เข้าใจว่าต้องโทษอะไร แต่เหมือนหลบเลี่ยงไม่ได้ จึงจำใจเดินตามปลาไหลไป
ที่ปราสาทใต้ท้องน้ำ มีปลาตัวใหญ่นั่งอยู่บนบังลังก์ มีผ้าคลุมไหล่สีแดง แสดงถึงความเป็นใหญ่ คงจะเป็นหัวหน้าของปลาทั้งมวล “ ข้าพเจ้าสองคนมีความผิดอะไรหรือ ท่าน” นิด หน่อย ถาม “พวกเจ้าบังอาจหย่อนลูกแก้วสีเหลืองลงมาในอาณาจักรของข้า ทำให้บริวารของข้าไม่ว่ายน้ำ” “พวกข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย” แต่ปลายักษ์เจ้าแห่งน้ำไม่ฟังคำแก้ตัว สั่งการให้ทหารปลา นำตัวทั้งสองไปคุมขัง

นิดกับหน่อย ไม่ชอบถูกขังเลย แม้ว่ากรงจะเป็นกรงโล่งๆ ทำจากซากเรือ  ลอยเป็นเอกเทศออกมา สามารถมองเห็นสัตว์ทะเลและสิ่งสวยงามต่างๆในท้องน้ำได้ชัดเจนก็ตาม  รู้สึกว่าเวลาแต่ละวินาทีช่างผ่านไปเนิ่นนานเหลือเกิน  ทั้งสองจึงฆ่าเวลาเล่นด้วยการโยนลูกแก้วเล็กๆหลากสีสัน ออกไป ปรากฏว่าพอโยนไป พลันก็กลายเป็นปลาตัวเล็กๆมีสีสันตามลูกแก้ว แล้วก็ว่ายแหวกน้ำไปมา น่าเอ็นดู
อยู่ในกรงขังได้นานพอสมควร มีแมงกะพรุนตัวหนึ่งลอยมาใกล้ๆกรง บอกกล่าวแก่นิดหน่อยว่า “พวกเจ้ากำลังจะพ้นโทษ” “ทำไมกัน” “เพราะพวกเจ้าไม่ผิด คนที่ทำผิดตัวจริงออกมารับสารภาพแล้ว”
“โอ้ ใครกันที่ทำเรื่องนั้น” นิดถามแมงกระพรุน “เขาไม่ใช่ปลา แต่เขาชอบมาอาศัยอยู่ในน้ำร่วมกับเรา ว่ายน้ำเก่งด้วยนะ ตัวก็ใหญ่” นิดพยายามคิดถึงอะไรที่ไม่ใช่ปลาแต่ว่ายน้ำได้ “เขาบอกว่า เห็นพวกเราว่ายน้ำตลอดเวลา เกะกะตัวเขามาก เขาจะหากินแมลงก็ไม่สะดวก อยากกินพวกเราแทนให้รู้แล้วรู้รอดไป จากนั้น เขาก็ไปหาลูกอะไรกลมๆมาโยนใส่ในน้ำ เล่นเอาพวกเรานิ่งไปเลย ดีนะไม่ถึงตาย”
“แล้วทำไมมันยอมรับสารภาพล่ะ” นิดถามอีก “มันบอกว่า ตั้งแต่ปลาหยุดว่ายน้ำ แล้วมันว่ายหาแมลงอยู่ตัวเดียวในน้ำ มันกลายเป็นเป้าสายตาของเหล่าศัตรู มีนกมาคอยจิกมัน เพราะเห็นการเคลื่อนไหวได้เด่นชัดมาก ตัวมันเองจึงไม่ปลอดภัย ต้องมาขอขมากับปลาเจ้าแห่งน้ำ” เรื่องเป็นเช่นนี้เอง

ไม่นานมีทหารปลาเดินมาปล่อยตัวพวกเขา และพาพวกเขาไปส่งยังที่ๆหนึ่ง แล้วใช้ปลายหนามกิ่งไม้แทงที่ก้นเบาๆ พอทั้งสองร้องปั๊บ ก็กลับมายืนอยู่ที่ข้างบ่อปลา เหมือนเดิม เมื่อมองลงไปในบ่อ ก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดผิดปกติ ไม่มีปลาไหล ไม่มีปลายักษ์ ไม่มีทหารปลา ปลาทุกตัวก็ว่ายน้ำเป็นปกติอยู่ ผิดสังเกตเพียง เห็นกบตัวหนึ่ง กำลังคาบลูกแก้วสีเหลืองในปากและนั่งอยู่บนใบบัวนั่นเอง

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

นิทานหอศิลป์ 56 เรื่องที่ 5



สวนสัตว์กับความฝัน

วันนี้พ่อกับแม่พานิดและหน่อยไปเที่ยวสวนสัตว์ ได้พบเห็นสัตว์ต่างๆมากมาย น่าสนใจทั้งนั้น
ตกกลางคืน นิดฝันไปว่า ตนเองกำลังล่องลอยไปตามกระแสน้ำ ไม่สามารถมองเห็นฝั่งและไม่มีที่ยึดเกาะ สักพัก ก็พบเต่าตัวหนึ่งลอยผ่านมา จึงคิดจะเกาะกระดองเต่าไว้ เมื่อแตะถูกตัวเต่า พลันเต่าตัวนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นมากจนกลายเป็นเกาะแห่งหนึ่ง ที่มีพื้นที่ทั้งหมดปูลาดด้วยกระเบื้องใสสีเขียว
ในฝันนั้น นิดรู้สึกว่ากระเบื้องน่ากินมาก จึงหยิบขึ้นมาแผ่นหนึ่งมาเคี้ยวดู ปรากฏว่ามีรสชาติอร่อย คล้ายกับแผ่นน้ำตาลมีรสหวานและเผ็ดนิดๆคล้ายๆมินท์ ชิมจนพอใจแล้ว จึงเดินสำรวจต่อไป พบบันไดสีเหลือง มีแต้มสีน้ำตาล จึงลองเดินตามทางบันไดขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ไปถึงยอดสุด จึงรู้ตัวว่า ตนกำลังเดินไต่คอยีราฟยักษ์ขึ้นมาบนหลังยีราฟ
บนหลังยีราฟนั้น มีฝักบัวรดน้ำอันเล็กๆสีแดง นิดหยิบเอามารดดู ปรากฏต้นไม้อมยิ้มผุดขึ้นมาจากหลังยีราฟ  อมยิ้มแต่ละอันมีหน้าของแพนด้า หมี  กระต่าย  และสัตว์ป่าอื่นๆอีกหลายตัว นิดดึงขึ้นมาหนึ่งอัน ยังไม่ทันที่จะชิมดู ก็ได้ยินเสียงหน่อยร้องตะโกนมาแต่ไกลว่า “ช่วยด้วยๆ นิด ช่วยพี่ด้วย”
นิดรีบกระโดดลงจากลานหลังยีราฟ ซึ่งก็ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด เพราะมันคือความฝัน แล้ววิ่งไปตามเสียง พบว่า หน่อย พี่สาวลื่นตกลงไปในบ่อที่เต็มไปด้วยลูกบอลสีชมพู ที่ดูเหมือนกำลังรุมล้อมไต่ตัวหน่อยไม่ละลด

นิดไม่รู้จะทำยังไง เลยปาอมยิ้มที่ถือมาลงไปในบ่อ ปรากฏว่า ตัวกลมๆพากันกระโดดออกมากลายเป็นกระต่าย ออกมากันเรื่อยๆจนหมดบ่อ ทำให้หน่อยรอดจากการถูกรุม
สองพี่น้องพากันไล่จับกระต่ายเหล่านั้นจนเหนื่อยล้า ก็ยังจับไม่ได้ซักตัว กระต่ายสีชมพูทุกตัว เห็นแล้วตาลายมาก ไม่นานนักเด็กทั้งสองก็หมดแรง ล้มลงนอนแผ่อยู่บนสนามหญ้า มารู้ตัวอีกที สนามหญ้าเคลื่อนที่ได้อีกแล้ว เอ๊ะ เราอยู่บนตัวอะไรแน่เลย เด็กๆลองทายดูซิ
เด็กๆนอนอยู่บนหัวของกระต่ายยักษ์สีเขียวที่กำลังกระโดดไปมา เด็กๆตะโกนว่า “เลิกกระโดดซะทีได้ไหม พวกเราจะหล่นอยู่แล้ว” แล้วมันก็หยุด มันถามว่า “อยากให้ฉันพาไปไหนไหมล่ะ” “อยากซิ พวกเราอยากกลับบ้าน” นิดตะโกน กระต่ายใจดีจึงลุกขึ้นเดินอีกครั้ง คราวนี้มันค่อยๆย่องเบาๆ และแกล้งทำเป็นหลับตาพักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้
นิดกับหน่อยไม่รู้ว่ากระต่ายทำอย่างนั้นทำไม จึงถามว่า “เจ้ามานอนอยู่แบบนี้ แล้วพวกเราสองคนจะกลับถึงบ้านได้อย่างไร” กระต่ายจึงพูดขึ้นว่า “รอก่อนนะ ฉันกำลังวางแผนล่อเต่าให้มาทางนี้” “เต่าเหรอ” “ใช่ ...ฉันกับเต่าตัวนี้แข่งกันสิ่งทุกปี แต่ฉันไม่เคยชนะ เพราะเต่าเมื่อรู้ว่าฉันหลับก็จะเดินเข้ามาใกล้ๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่าฉันหลับจริง จากนั้นเขาจะเดินเร็วขึ้นแบบแทบไม่หายใจเลย ดังนั้นฉันจึงแพ้เขาทุกปี”
“ตอนนี้ ฉันกำลังใช้แผนเดิมเพื่อล่อให้เขาเดินเข้ามาหาฉัน เพราะถึงแม้จะไม่แข่งขันกัน เขาก็ยังคงสนใจว่าฉันหลับจริงหรือเปล่า เขาคงสงสัยว่าทำไมฉันถึงหลับได้หลับดี” กระต่ายพูดแล้วก็แกล้งนอนต่อไป ไม่นานนัก ก็มีเต่าตัวหนึ่งเดินมาดังกระต่ายว่า เมื่อเต่าเดินเข้ามาใกล้ กระต่ายจึงลืมตาขึ้นและว่า “ทีนี้ฉันไม่ได้หลับจริงหรอก แต่ฉันอยากฝากเด็กสองคนนี้ เดินทางไปกับแก ไปในท้องทะเลกว้างจะได้ไหม” เต่าไม่พูด แต่เต่าใจดี ผงกหัวหงึกๆ

เต่าให้เด็กๆขึ้นเกาะหลัง แล้วพาลงทะเล ลอยละล่องไป ไกลแสนไกล ไกลแสนไกล จนเด็กๆเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เมื่อลืมตาขึ้น นิดก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวนั่นเอง โอ้ การไปเที่ยวสวนสัตว์จริงๆ กับเที่ยวในฝันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจริงๆ