วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

นิทานหอศิลป์ ตอนที่ 7 เล็กสลับใหญ่


หลังจากผิดพลาดอย่างแรงกับการปั้นดาวดวงที่ 6 พระเจ้าจึงทรงดำริว่า ดาวดวงที่ 7 จะต้องปั้นตัวละครที่ละเอีียดประณีตที่สุด ลองปั้นของจิ๋วๆดูบ้างดีกว่า แม้ว่าพระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์จะใหญ่มาก แต่ทรงปั้นสัตว์ตัวเล็กได้ยอดเยี่ยม พระองค์ทรงปั้นอะไรนั้น คนเล่าก็มองไม่ค่อยเห็นเพราะเป็นของจิ๋ว จากนั้นทรงโยนไปที่ดาวดวงที่ 7 ทรงทอดพระเนตรเห็นเศษขนมปังเกลื่อนอยู่บนโต๊ะ ก็ทรงกวาดด้วยพระหัตถ์โปรยลงไปที่ดาวดวงที่ 7 ทั้งหมด

ทรงหาแว่นขยายคู่พระทัยมาส่องดู แต่ไม่ทรงทอดพระเนตรเห็นอะไรเลย ต้องทรงดำรัสสั่งให้ช่างกระจกทำแว่นขยายอันใหม่ที่ขยายได้มากกว่าเก่าอีก 10 เท่า พระองค์รอถึง 3 วันกว่าจะได้แว่นมา เมื่อทรงยกขึ้นส่องดู ปรากกฏว่าสัตว์ตัวเล็กๆที่พระองค์ทรงปั้นนั้น มีรูปร่างหน้าตาประหลาดมาก ทุกตัวไม่มีขา เพราะปั้นยาก จึงไม่ทรงปั้น ทุกตัวต่างใช้วิธีกระเดิ๊บเข้าหากัน พูดคุยไปมา บางตัวก็อ้วนกลม
บางตัวก็ผอมเพรียว บางตัวมีงวง บางตัวมีหาง แต่ทุกตัวรู้สึกว่าไม่มีความสะดวกในการเดินทางเอาซะเลย พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงทรงเนรมิตบ่อขึ้นมา สามบ่อ บ่อที่หนึ่ง บ่อแห่งขา บ่อที่สอง บ่อเแ่ห่งปีก และบ่อที่สี่ บ่อแห่งสีสัน ทรงบัญชาว่า "เจ้าทั้งหลาย ใครอยากได้ปีกไว้บิน หรือขาไว้เดิน ก็จงกระโจนลงไปในบ่อที่จัดไว้ให้ มีข้อแม้ว่า ทุกตัวต้องไม่เอาขากับปีกไปใช้มากเกินไป เพราะมีชิ้นส่วนจำกัด ส่วนอีกบ่อหนึ่งนั้นมีไว้สำหรับตกแต่งร่างกายให้สวยงาม (พระเจ้าเนรมิตบ่อนี้ขึ้นมา เพราะพระองคืทรงขี้เกียจระบายสีเอง) บ่อสุดท้ายไม่สามารถเลือกสีได้ ใครลงไปชุบตัวได้สีอะไรมาก็ต้องยอมรับในสีและลวดลายที่ตัวได้ ไม่มีการอุทธรณ์

จากนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น แต่ละตัวไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครเข้าแถว เพราะกลัวว่าของหมด แล้วตัวเองจะไม่สะดวก ตรงเข้าเบียดเสียดยัดเยียด แย่งชิงกันอย่างอุตลุต ไม่นานความวุ่นวายก็สงบลง เพราะของหมด เมื่อพระเจ้าส่องดูสัตว์แต่ละตัว อดที่จะทรงขำไม่ได้ ช่างมีสารพัดสารพันอย่างที่นึกไม่ถึงเลยทีเดียว อะ มีบางตัวไม่มีปีก ไม่มีขา ไม่มีสีด้วย โธ่ช่างน่าสงสารแท้ๆ คงจะแย่งชิงกับเขาไม่ไหวเป็นแน่ เมื่อทุกตัวสัญจรเดินทางกันได้แล้ว ก็พากันเดิน หรือบินหายเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว พระเจ้าส่องดูอีกที ไม่ทรงพบใครเลย แหมไอ้พวกนี้นี่ แบบนี้เราจะมีอะไรสนุกสนุกดูละ อ๋อ คิดออกแล้ว เราจะโปรยละอองฝนแห่งการขยายขนาดให้ดาวดวงนี้ไปเลยดีกว่า คิดได้ดังนั้นแล้วพระองค์ทรงปฏิบัติการทันที

หลังจากฝนสงบลง สัตว์ทุกตัวมีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก เดินไปไหนมาไหนก็ชนกัน มันดูเหมือนเหล่าแมลงยักษ์ไม่มีผิด เมื่อชนกันแต่ละที มันก็หงายท้อง แล้วยังคงอยู่ท่านั้นเป็นเวลานานไม่ว่าจะโยกเยกไปมายังไงก็ไม่สามารถกลับตัวได้ เป็นที่น่าขบขันต่อพระเจ้าอย่างยิ่ง พระเจ้าทรงดำริว่า เจ้าสัตว์พวกนี้มีสีสันแปลกตา รูปร่างก็ประหลาด แถมโลภมากมีขาตั้งหลายขา บางต้วบินได้ด้วยนะ ต่อไปในกาลข้างหน้า สัตว์เหล่านี้คงจะสูญพันธุ์ยากเป็นแน่ เราจะให้ชื่อพวกมันว่า "แมลง"

เอะ นั่นอะไรเล็กๆเดินยั้วเยี้ยอยู่ใต้ขาของแมลงเหล่านี้นะ เมื่อทรงส่องแว่นดูดีๆ ก็เห็นว่ามันคืีอเศษขนมปังที่พระองค์ทรงโปรยมาทีหลังนั่นเอง มันโดนฝนขยายตัวด้วย แต่ก็ไม่ใหญ่โตเท่าแมลงพวกนั้น ดูดีีๆ แต่ละตัวก็มีรูปร่างเหมือน แมว หมา นก หมี ช้าง และสัตว์ตัวอื่นๆที่เราเคยปั้นมาแล้ว แต่มันไม่มีสี มีแต่สีขาวๆเหมือนแป้งขนมปังเท่านั้นเอง ต่อไปจะอยู่กันยังไงล่ะ เดี๋ยวก็โดนพวกแมลงเหยียบตายกันเท่านั้นเอง ไว้ค่อยดูกันต่อไปนะ วันนี้พระเจ้าขอไปนอนก่อนดีกว่า สนุกมามากพอแล้ว

(ผลงานของเด็กจากนิทานเีรื่องนี้)




<" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5466227440400455698" />

ไม่มีความคิดเห็น: